My Community

เกมชื่อ Sid Meier's Railroads
เป็นเกมที่ให้เราบริหารบริษัทเดินรถไฟ มีบริษัทคู่แข่งอีกสามรายที่แย่งตลาดนี้กับเรา  เป้าหมายคือต้องสร้างธุรกิจให้ เติบโต ทำกำไร ท้ายสุดก็ซื้อบริษัทคู่แข่งให้มาเป็นของเรา

แรกๆก็จับจุดไม่ได้ แพ้บ้างชนะบ้าง แต่ตอนนี้พอจะจับหลักได้แล้วก็ชนะได้ง่ายๆเลย ซึ่งหลักหลายข้อน่าจะเอามาปรับกับชิวิตจริง ไว้เป็นหลักการเลือกหุ้นได้

1. ช่วงเริ่มต้นกิจการ ต้องแลกระหว่างเงินทุนกับกิจการ
ด้วยเงินทุนที่มีจำกัดแต่เห็นโอกาสในธุรกิจ จึงทำให้จำเป็นต้องขายหุ้น เพื่อเอาเงินมาจับโอกาสตรงนั้น
- คำถาม โอกาสนั้น secure ขนาดไหน แน่นอนหรือแค่คิดไปเอง

2. ทำให้ดีกว่าคู่แข่ง
ธุรกิจปกติทั่วไป ถ้าไม่ผูกขาดก็ต้องมีคู่แข่ง การจะสู้คู่แข่งได้แบบง่ายที่สุดก็ทำให้ดีกว่า เช่น บริการดีกว่าหรือต้นทุนต่ำกว่า ส่งผลให้กำไรดีกว่า เติบโตได้มากกว่า
- คำถาม บริษัทมีอะไรดีกว่าคู่แข่ง

3. คุณภาพสำคัญกว่าขนาด
บริหารสิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดีกว่ามุ่งขยายขนาด เพราะการขยายมักจะใช้เงินทุนมากกว่าปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แล้ว ทำอันเก่าให้ดีสุดๆแล้วค่อยขยายไปอันใหม่ หรือไม่ก็ต้องดีจริงๆ ถึงเข้าไป
-คำถาม บริษัทมุ่งแต่ขยายหรือขยายเมื่อจำเป็น ของที่มีทำดีที่สุดหรือยัง


4. สำคัญต่อจากเงินก็ความเป็นเจ้าของ
ในช่วงแรกเงินสำคัญต่อการขยายธุรกิจ แต่หลังจากที่ธุรกิจ อยู่ตัวทำกำไรได้แล้ว ความเป็นเจ้าของสำคัญที่สุด ในเกมต้องซื้อกิจการคนอื่นก่อนที่จะโดนซื้อซะเอง ในชีวิตจริงก็คงไม่ต่างกัน ถ้าเราสร้างธุรกิจดีๆ สร้างบริษัทที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา เราก็คงอยากเก็บไว้บริหารเอง มากกว่าให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของบริหารแทนเรา
- คำถาม เจ้าของถือหุ้นอยู่เท่าไร สัดส่วนที่คุมกิจการได้ไหม รายใหญ่อื่นที่มีนัยสำคัญไหม

5. การเงินมั่นคง+เจ้าของมั่นคงแล้วค่อยขยายต่อ
ฐาน 2 อย่างก่อนจะขยายกิจการ การเงินต้องมั่นคง รายได้และกำไรสม่ำเสมอ และเจ้าของถือหุ้นในระดับปลอดภัยต่อความเป็นเจ้าของ แล้วจึงค่อยขยายกิจการต่อ
  ในเกม ข้อนี้สำคัญมาก  ถ้าเร่งขยายกิจการไปได้ดี เติบโตทำกำไรได้ดี ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นเยอะเพราะคนเห็นว่าบริษัทดี แต่เจ้าของเองกลับมีหุ้นนิดเดียว ครั้นจะเก็บหุ้นเพื่อเพิ่มความเป็นเจ้าของก็แพงไปไม่มีเงินซื้อ ก็เสี่ยงต่อการสูญเสียบริษัทไปให้คนอื่น เพราะกำไรที่ดีๆนั้นอยู่ที่บริษัทไม่ใช่เจ้าของที่ถือหุ้นนิดหน่อยนั้น จึงต้องเก็บหุ้นเยอะๆในตอนที่หุ้นยังราคาถูกนั้นก่อน แล้วจึงค่อยขยายภายหลัง
 - คำถาม บริษัทอยู่ในรูปแบบไหน

จากงบการเงิน Q2-2567 มีแจ้งว่าจัดซื้อเรืออยู่ รอรับมอบอยู่ตามนี้


Sign-date    Unit      Size    Price    ETA
2565.03.11    1    7000    85M    2567-Q4   
2565.03.11    1    7000    85M    2568-Q1
2565.03.28    1    11714    133M    2567-Q2
2565.03.28    1    11714    133M    2567-Q4
2565.05.24    1    7000    79M    2567-Q4
2565.05.24    1    7000    79M    2568-Q2
2567.01.23    1    4300    56.5M    2570-Q1
2567.01.23    1    4300    56.5M    2570-Q2
2567.01.23    1    4300    56.5M    2570-Q3
2567.01.23    1    4300    56.5M    2570-Q3
2567.01.23    1    4300    56.5M    2570-Q4
2567.01.23    1    4300    56.5M    2571-Q1
2567.06.20    1    7000    91M    2569-Q4
2567.06.20    1    7000    90M    2570-Q1

update สิงหา สั่งเพิ่มไป 2 ลำ
2567.07.22    1    4400    57.6M    2570-Q4
2567.07.22    1    4400    57.6M    2571-Q1

พวกบทวิเคราะห์ ทั้งจากนักวิเคราะห์หุ้นรายตัวก็ดี ที่ปรึกษาการเงินอิสระโครงการต่างๆ ก็ดี

แท้จริงมันก็ความคิดของคนคนเดียว หรือกลุ่มเดียวนั่นแหละ
ซึ่งไม่ได้การันตีว่าจะถูกต้อง เขาก็อาจจะจะเก่งจริง หรือไม่เก่งเลยก็ได้

ถ้าเขาผิด เขาก็แค่ปรับเปลี่ยน ออกบทวิเคราะห์ใหม่ ซึ่งเห็นกันได้เรื่อยๆ แต่เขาไม่ได้เสียเงินไปแบบนักลงทุน

หากเราไปยึดโยงกับบทวิเคราะห์เขามากๆ จะเป็นเราเองที่เจ็บตัว เสียเงิน  เขาอาจเสียหน้า แต่ไม่นานคนก็ลืมกัน

เพราะฉะนั้น เวลาอ่านอะไรพวกนี้ ให้เผื่อ Margin of safty โดยการลบจากที่เขาประเมินสัก 30% จะเป็นการดี เซฟตัวเราไว้ก่อน

ใครไม่เซฟเรา เราเซฟตัวเอง

owner
ครอบครัว โกกนุทาภรณ์ ถืออยู่ราว 75%
ผถห ใหญ่ 2 อันดับแรกก็ถือหุ้นอยู่โดยครอบครัวนี้


เฉลิม พี่ชายคนโต เป็น CEO อายุ 51
สินีนุช คนรอง เป็น MD อายุ 49
ก้องกิต อายุ 47
เกริกกุล อายุ 44

คีย์หลักในการบริหารน่าจะเป็น MD ก็มีเวลาบริหารต่อได้อีก 10-15 ปี

You cannot view this attachment.

อ่านพอได้ไอเดียว่าควรจะมองหาอะไรจากการสื่อสารของ CEO ที่เป็นผู้นำสูงสุดขององค์กร

ดูดีนะ ก็ตรงกับความคิดลุงเองที่ให้ความสำคัญกับ CEO มากหน่อย

แต่หนังสืออ่านไม่ค่อยสนุก อ่านแล้วไม่ค่อยต่อเนื่อง ตัดบทสื่อสารของแต่ละตัวอย่างมาเป็นท่อนสั้นๆ ตัดไปตัดมา บริษัทนั้นนิดนี่หน่อย บริษัทตัวอย่างเขาก็แน่นอนว่าเป็นหุ้นอเมริกาที่ไม่ค่อยอินอยู่แล้ว มาสั้นๆก็ไม่เก็ตไปอีก ที่หนาๆ ออกจะน้ำเยอะหน่อย เนื้อหาจับประเด็นแค่ว่าควรดูอะไรแล้วเอาแค่เปิดผ่านๆ ก็พอ

Replace request header : period=1Y to period=5Y

You cannot view this attachment.

วิเคราะห์ผู้บริหาร เจ้าของ

1. ถือหุ้นใหญ่ กิตติ ชีวะเกตุ 48.47 %  ก่อตั้ง อายุ 69 ปี (2566)
มีลูกสาว 2 คน
  1. น.ส. ชวิษศา ชีวะเกตุ   3.89 %  อายุน่าจะ 32-33 ปี จบอักษรจุฬา
  2. น.ส. อลิสา ชีวะเกตุ 3.86 %   อายุ 30 จบโทธุรกิจ มีตำแหน่ง Corporate Image & Treasury Manager
คนโตไม่มีประวัติให้ค้น โฟกัสคนที่ 2 แล้วกัน กลับมาช่วยดูธุรกิจแล้ว  เท่าที่ดูจาก oppday ก็ยังต้องดูอีกสักพัก


2. มีน้องสาวภรรยา นิลรัตน์ จารุมโนภาส ถือ 4.58 % อายุ 65 ดูเรื่องบัญชี การเงิน
ทั้งกลุ่ม จารุมโนภาส 7%
คุมการเงิน แต่อายุก็เยอะแล้ว  ไม่นานก็อาจจะต้องหาคนไว้ใจคนอื่นมาช่วยต่อ

3. ผู้บริหารหลัก ชัชพล ประสพโชค  อายุ 55 ปี ถือหุ้นอยู่ 0.73 % 
น่าจะเป็นไม้เป็นมือ ผู้บริหารหลักตอนนี้ นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการมาตั้งแต่ปี 2557

4. เสรีวิวัฒนา 6.8%  ถืออย่างเดียว แต่ไม่มีบทบาทบริหาร
---------
บุคลากรหลักตอนนี้ก็น่าจะเป็นคุณชัชพล ถ้าดูจากอายุก็ได้อีกราว 5 ปี  หลังจากนั้นก็ดูกันใหม่ ถ้าคุณอลิสาไหวก็คงได้ดูต่อเอง
น่าจะต้องลุ้นคุณอลิสาหน่อยว่าฝีไม้ฝีมือเป็นยังไง

เอาผู้ถือหุ้น เจ้าของมาแปะไว้ก่อน
2 นามสกุลนี้นับเป็นกลุ่มเดียวกันก็ได้

หาญจิตต์เกษม เป็นนามสกุลเก่าคุณยุพิน ครอบครัวผู้ก่อตั้งเริ่มแรก ซึ่งคุณฤทธิ์ ธีระโกเมน ในฐานะเขยมาช่วยบริหารงานต่ออีกที

กลุ่มนี้ถือหุ้นอยู่รวมก็ราว 70%
You cannot view this attachment.

ผังคร่าวๆ
คนก่อตั้ง - ป้าทองคำ
| ลูกสาวป้าทองคำ-ยุพิน(67) + สามี-ฤทธิ์(72)
           | ลูกสาวยุพิน-ทานตะวัน(37)
           | ลูกชายยุพิน-ธีร์(35)
| ลูกชายป้าทองคำ-สมชาย(62)
| ลูกชายป้าทองคำ-สมนึก (เสียชีวิต) + ภรรยา-อัมพร
           | ลูกสาวลูกชาย-วรากร-วราพร

รายคุณอัมพร-วรากร-วราพร ไม่มีชื่อในบริหารด้วย เข้าใจว่าน่าจะยังอายุไม่เยอะ ถือหุ้นอย่างเดียวราว 18%

หลักการที่พยายามจะยึดโยงกับ กบไฟ

G   good ธุรกิจดี อยู่ในแนวโน้มที่ดี
O   owner เจ้าของ ผู้ก่อตั้งดี และยังถืออยู่เยอะ
B/P  board กรรมการ คนทำงานดี มืออาชีพ
F   finance การเงินแข็งแกร่ง
I   Info
R   Return  กำไรเขาอะแหละ
E   enjoy ความชอบในธุรกิจ

หลังจากมีการคุมดอกเบี้ย และมีผู้เล่นรายใหม่ๆเข้ามา
ปะเมินได้ว่าพื้นฐานเปลี่ยนอยู่บ้าง

จากที่ดอกเบี้ยได้เยอะก็ถูกคุมให้ได้ไม่เกินเพดาน ส่งผลกำไรลดลงแน่ๆ

ผู้เล่นใหม่เข้ามาแย่งปล่อย ลดลงซ้ำอีก

ถ้าประเมินจากฐานใหม่ เอาตามปีที่ผ่านมาที่ยอดปล่อยน้อยเพราะชะลอการปล่อยลงดูสถานการณ์ ปีนี้และปีต่อไปน่าจะไม่ชะลอเท่านี้

ราคา 5 บาทกับปันผล 0.25 ก็คิดเป็น 5%
จริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายนะ

ข้อดีเขาคือแน่ปลอดภัยมากกว่าหวือหวา บริษัทก็ปลอดภัยแหละ แต่ราคาหุ้นก็ตามผลงานขณะนั้น