News:

SMF - Just Installed!

Main Menu

Recent posts

#32
TASCO ## บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด

หุ้นขายยางมะตอย เจ้าเดียวในประเทศไทยและเป็นเจ้าใหญ่ในตลาด โดยเป็นการร่วมทุนของ บ. CORAS จากฝรั่งเศส กับกลุ่มทิปโก้

ตลาดหลักๆคือทำถนน ทั้งถนนใหม่และซ่อมแซมถนนเก่า ซึ่งจะผูกกับงบประมาณรัฐซะเยอะ ปีไหนงบทำถนนเยอะ ยอดซื้อยางมะตอยก็เยอะ บ.ก็กำไรเยอะไปด้วย กับอีกส่วนคือต้นทุนซึ่งก็จะเกี่ยวพันไปกับราคาน้ำมัน เพราะยางมะตอยเป็นผลิตผลจากน้ำมันอีกที กับธุรกิจอีกส่วนเป็นก่อสร้างซึ่งก็เข้าใจว่างานหลักๆ คือทำถนน แต่สัดส่วนรายได้ยังน้อยอยู่

✍️ Good ?
ตัวธุรกิจ ย้อนหลังก็มีการเติบโตบ้าง แต่ไม่ค่อยเยอะ ดูแนวโน้มผลประกอบการอาจจะยากหน่อย โดยเฉพาะสองปีหลังนี้ เพราะมีปัจจัยเยอะ ทั้งราคาน้ำมัน งบภาครัฐ สถานการณ์โควิด แต่ที่แน่ๆ คือ ในหลายๆสถานการณ์แย่ๆนั้น บ. ก็ยังทำกำไรได้อยู่ แสดงว่า บ. ก็มีความแข็งแกร่งใช้ได้

หุ้นตัวนี้มองดูแล้วก็เป็นหุ้นสินค้าจำเป็น รัฐยังไงก็ต้องทำถนน มีการใช้แล้วหมดไป ต้องมีการซื้อซ้ำเพราะถนนก็มีอายุของมัน ต้องซ่อมแซม ยิ่งนานไปมีถนนเยอะ ก็ยิ่งมีซ่อมแซมเยอะด้วย ตราบใดที่ยังมีการใช้ถนน ยางมะตอยก็เป็นปัจจัยหลักในการซ่อมสร้างอยู่ดี  แต่ถ้าถึงยุคหนึ่งที่รถไม่มีล้อแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนไม่ต้องใช้ถนนก็ได้ แต่คงไม่เร็ว ในช่วง 10-20 ปีนี้ก็น่าจะยังจำเป็นต้องใช้แน่ๆ

ตรงนี้จะต่างจากพวกธุรกิจรถยนต์ ที่ยิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนารถให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น โอกาสจะขายรถใหม่ได้ก็ยิ่งน้อยลง การเติบโตก็มีโอกาสน้อยลงไปด้วย เพราะอย่างไรดีมานด์มันก็มีจำกัด ยกตัวอย่างเช่นตอนมีโครงการรถคันแรก หลังจากนั้นก็ดีมานด์หายไปหลายปีเลย  สมมติรถดีๆอายุ 10 ปียังใช้งานได้ดีอยู่  คนที่จะซื้อรถใหม่ก็น้อยลงเรื่อยๆ

เทียบกับสินค้าบางอย่างที่อายุสั้นกว่า ต้องซื้อใหม่เรื่อยๆ เช่น โทรศัพท์มือถือที่ 2-3 ปีก็ต้องซื้อใหม่ ทำให้ธุรกิจพวกนี้โตได้เรื่อยๆ ตัวยางมะตอย  ทำถนนก็เช่นกัน 5-7 ปีก็ต้องรื้อทำใหม่ มันก็เลยมีโอกาสให้ บ. ขายยางมะตอยได้เรื่อยๆ

ทั้งนี้ก็ยังมีโอกาสในประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆด้วย กลุ่มอาเซียนเราก็กำลังพัฒนา ทำถนนเพิ่มเติม อันนี้ก็เป็นโอกาสให้บริษัทเติบโตได้อีก

✍️ Owner ?
ในแง่ของผู้ถือหุ้นใหญ่ มี 2 กลุ่มคือ  บ. CORAS จากฝรั่งเศส และกลุ่มทิปโก้ กลุ่มละประมาณ 30 % ก็ถือเป็นสัดส่วนที่ดี ควบคุมเสียงส่วนใหญ่ได้ ไล่ดูรายงานย้อนหลัง ก็เป็น 2 กลุ่มนี้ถือในสัดส่วนประมาณนี้มาตลอด เข้าใจเองว่าเขาก็น่าจะยังมีมุมมองที่ดีต่อธุรกิจอยู่

เท่าที่ดูความตั้งใจของเจ้าของ ก็กะจะอยู่ในตลาดยาวๆ ไม่ได้ทำธุรกิจฉาบฉวย ตัวนี้เขาก็เข้าตลาดมาหลายปีละ 30+ อายุบริษัทก็หลัก 40+

✍️ Professional ?
บอร์ดเป็นส่วนผสมของ 2 กลุ่ม ซึ่งก็ดีในแง่ไม่ได้ถูกครอบงำจนเกินไป ต่างคนต่างก็น่าจะส่งผู้เชี่ยวชาญของตัวเองมา  จะให้ไก่กามานั่งเล่นกินตำแหน่งอีกฝ่ายก็คงไม่ชอบใจนัก ผู้บริหารใหญ่เองก็ไม่ใช่คนในครอบครัว ผถห ใหญ่ ตีความได้ว่าเขาเอามืออาชีพมาบริหาร ตัว CEO เองก็มา Oppday ตลอด ให้ข้อมูลได้ดี ตอบโชะๆ

💰 Financial งบ Q10223@21May
1. ผู้ตรวจสอบรับรองงบ - ไม่มีเงื่อนไข
2. งบล่าสุด กำไร  1,128 ลบ. เยอะว่าปีก่อน
3. มีกำไรสะสม  15,303 ลบ. เพิ่มขึ้น
4. หนี้สินรวม  9,764 ลดลง
    ต้นทุนทางการเงิน 30 ลบ.  ถือว่าต่ำมาก เทียบกำไร
5. เงินสด  3,183 ลบ. สภาพคล่องไม่น่าห่วง
6. Book value 10.92 เติบโต
7. P/BV  1.66 เท่า
8. D/E  0.55 เท่า
9. กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 379 ลบ.

✍️ Information ?
บ. เข้าร่วม Oppday ทุกครั้งเลย แม้ว่าข่าวบริษัทอาจจะน้อย แต่มีการแถลงจาก บ. เองโดยตรงทุกไตรมาสเป็นอะไรที่ดีมาก โดยเฉพาะ ผบห ใหญ่เป็นคนแถลงเอง ส่วนตัวลุงชอบชี้แจ้งจากบ. มากกว่าบทวิเคราะห์ของบ.หลักทรัพย์ เพราะอย่างหลังนี้ผลประโยชน์ทับซ้อนซะเยอะ ติหน่อยว่าคำชี้แจงผลประกอบการออกจะสั้นหน่อย แค่ 2 หน้า อ่านไม่ค่อยมันส์ ก็อาจด้วยตัวธุรกิจมันค่อนข้าง simple เลยอาจจะไม่ค่อยมีอะไรให้วิเคราะห์มากนัก (ไหม)

✍️ Return ?
นโยบายปันที่มากกว่า 60% งบรวม ผลตอบแทนปันผลปีที่ผ่านๆมาเฉลี่ยก็ได้ค่อนข้างดี 5 ปีย้อนหลังก็เฉลี่ยได้ 5%+  จัดว่าดี แต่อาจต้องถือยาวหน่อย เพราะมีบางปีจ่ายน้อย ตามผลกำไร ทั้งนี้ผลประกอบการณ์ของ บ. จะแปรผกผันกับราคาน้ำมันค่อนข้างชัดเจน คือถ้าน้ำมันแพง ต้นทุนยางมะตอยก็จะแพง ทำให้กำไรน้อยลง  ราคาน้ำมันนี้มันก็จะมีรอบๆของมัน ถ้าถือในระยะเวลาที่ยาวพอมัน มันก็จะมีทั้งปีที่แย่และปีที่ดี

ทั้งนี้ส่วนของ Capital Gain ถ้าดูจากราคาหุ้นก็จะเห็นว่ามันผันผวนหน่อย แต่ถ้าดูจาก Book Value ที่มันจะส่งผลไปถึงราคาหุ้นในระยะยาวอีกทีก็จะเห็นว่ามันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จาก 6 บาทต้นๆ ในปี 58 มาเป็น 9.74 ในปี 64

✍️ Enjoy ? ตัวธุรกิจในระยะกลางเกิน 4-5 ปี มีโอกาสเติบโตตามโครงสร้างพื้นฐานคือถนน ที่ก็มีทั้งซ่อมทั้งสร้าง แต่ทั้งนี้ผลประกอบการ กำไรอาจจะไม่ค่อยนิ่งเพราะมีหลายปัจจัยทั้งงบรัฐ ราคาน้ำมัน แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นของจำเป็นที่ต้องใช้งานอยู่ ไม่น่าขาดหายไปไหน ไม่น่าเจ็งในเร็ววันนี้

ส่วนตัวลุงว่าถือแล้วนอนหลับสนิท ถือยาวน่ะได้ แต่เนื่องจากมันเป็นรอบๆ ถ้าในช่วงที่ราคาน้ำมันสูงๆ ก็จะทำให้ผลงาน บ. แย่หน่อย ราคาก็จะตกลง ก็เป็นจังหวะให้เก็บหุ้น แล้วเมื่อราคาน้ำมันลง ซึ่งส่งผลให้กำไร บ. ดีขึ้น ราคาดีขึ้น ก็ค่อยขายไป ก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีทีเดียว
#33
เกี่ยวกับ CCUS

มุมมองพื้นฐาน Banpu ตั้งแต่ปี 2020
#34
บลาลาาา
#35
Oppday Q2/2023

ตอนท้ายๆ มีเรื่องค่ากำจัดขยะ  ตีว่าเรตได้ตันละ 400 บาท
สัญญาช่วงแรกๆ ไม่ได้ค่ากำจัดขยะ แต่ต่อไปเห็นว่าจะได้ โรงไฟฟ้าที่ขึ้นใหม่ก็ได้ส่วนนี้เพิ่ม
อย่างสงขลากำจัดได้วันละ 400 ก็ได้ค่ากำจัดเพิ่มไป 400*400 = 160000 ทั้งปีก็ 5.8 ล้าน
TPIPP ตามแผนปี 67 จะมีกำลังการกำจัดทั้งหมด 23,500  ตันต่อวัน
ถ้าได้สัก 5000 ตัน ก็ตีว่าวันละ 2 ล้านบาท ปีๆนึงก็ 7ร้อยกว่าล้าน โดยที่บริษัทแทบไม่ต้องอะไรเพิ่ม
แต่กว่าจะได้ตรงนั้น เขาบอกว่ารอสัญญาหมดอีกสัก 2 ปีนะ

แปลกใจว่าทำไมส่วนนี้ไม่ค่อยให้ค่ากันหว่า หรือเข้าใจอะไรผิดไป
#36
ตัด ft ออกไป ไม่นิ่งมีบวกมีลบ ปีนี้โชคดีว่าได้เยอะ
เอาแค่ที่เกี่ยวกับ coal กับ rdf ก็ cover แล้ว ถ้าได้ตามแผน  จนกว่า adder ตัวสุดท้ายจะหมดในปี 2025 ก็น่าจะเรียบร้อยละ

แผนเติบโตกับกำลังไฟในอนาคต
ดูแล้วก็มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิต ก็น่าจะเพิ่งกำไรได้อีกแหละนะ

#37
Factsheet snapshot
Q2-2023

---------------
Q3-2023
#38
TPIPP
ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด

เป็นบริษัทโรงไฟฟ้า บ.ลูกของทีพีไอโพลีน ที่ทำโรงงานปูนของกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ แต่ไปๆมาๆ บ.ลูกกำไรได้ดีกว่าธุรกิจหลักของบ.แม่ไปแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะปูนมันก็จะมีรอบของมัน บางปีดี บางปีแย่ แต่ขณะที่โรงไฟฟ้ารายได้จะนิ่งกว่า ปีนี้เยอะกว่าแม่ แต่ปีหน้าแม่ก็อาจจะเยอะกว่าก็ได้

✍️ Good :  แนวโน้มธุรกิจดีไหม
โรงไฟฟ้า ถ้ามีสัญญาแล้วยังไงก็ขายได้ ผลิตได้ก็รับเงินไป สำคัญแค่ว่าราคาที่รับได้ไหม ตอนนี้เขาปรับเปลี่ยนไปใช้ขยะทำเป็นเชื้อเพลิงใช้แทนถ่านหินด้วย ก็เป็นแนวโน้มที่ดีของธุรกิจ หลักๆ รายได้เขามาจาก
1. โรงไฟฟ้าจากขยะ  ได้ไฟขายให้การไฟฟ้า ส่วนนี้ได้ adder แต่ก็กำลังจะหมด หลังจากนี้ก็กำไรไม่ได้มากมายแล้ว
2. โรงไฟฟ้าจากขยะ ขายไฟให้บ. แม่ TPIPP เอาไปใช้ในโรงงานปูน ก็ได้รายได้ส่วนหนึ่ง แต่คงไม่เยอะมาก เรตเท่าที่ซื้อจากการไฟฟ้า ไม่ได้บวก
3. ผลิต RDF จากขยะ ขายให้โรงไฟฟ้าไปใช้แทนถ่านหิน ทดแทนการใช้ถ่านหิน ถ้าช่วงราคาถ่านหินแรงก็คงจะคุ้ม แต่ตอนที่ถ่านหินถูก เข้าใจว่าแม่ก็คงมีสัญญาให้ซื้อ RDF มาใช้ต่อแหละ แต่จะส่งผลต่อการแข่งขันทางราคาของแม่ไหมก็ดูกันอีกที
4. ค่า Carbon credit ตอนนี้ได้ แต่ก็ยังไม่เยอะ ไม่ได้มีนัยสำคัญ อาจจะเพิ่มขึ้นได้
5. อาจจะได้ค่ากำจัดขยะ ปัจจุบันเข้าใจว่าไม่ได้รับ

✍️ Owner : เจ้าของ ผู้ถือหุ้นใหญ่
กลุ่มครอบครัวเลี่ยวไพรัตน์ถือหุ้นใหญ่ ควบคุมเบ็ดเสร็จ เป็นกงสีของตระกูลเลยก็ว่าได้ หัวเรือใหญ่เป็นคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้น่าห่วงเท่าไร คุมครอบครัวได้ มีความสามารถในเชิงธุรกิจ มีวิสัยทัศน์ ไม่งั้นคงไม่สร้างมาได้ขนาดนี้ ถ้าวางมือไปคงต้องดูอีกทีว่าใครเป็นหัวเรือแทน
ในส่วนของ TPIPP เอง คนที่ออกจะมีบทบาทมากที่สุดก็จะเป็นคุณภัคพล ที่ดูเรื่องการเงินของบริษัทเลย ดูก็เป็นคนรุ่นใหม่ มีไฟในการทำงานดี

แปะสาแหรกเขาหน่อย TPIPL + TPIPP เครือเดียวกัน
Gen 1
มาลินี - 80 (0.043)
    - ธัญญารัตน์ เอี่ยมโสภณา - 45 (0.071)
ประชัย - 78 (0.001) + อรพิน - 75 (5.153)
ประทีป - 77 (0.001)
    - tpipp ภัทรพรรณ - 43 (0.046)
    - ภากร - 42 (3.151) (tpipp - 0.063)
    - tpipp ภัคพล - 39 (0.022)   
ประมวล - 72 (2.878)
    - tpipp ณิธาวัน - 42 (0.003)
    - tpipp ปรกฤษฎ์ - 32 (0.006)
ประหยัด - 71 (3.185)

✍️ Professional : ความสามารถผู้บริหาร บอร์ด
ผู้บริหารก็ออกจะมีคำถามหน่อย เพราะเป็นกงสี มีคนในครอบครัวนั่งอยู่ตำแหน่งต่างๆเต็มเลย กรรมการนี้ก็ลูกหลานพี่น่้องกันทั้งนั้น ตีว่าความสามารถสักครึ่งนึงกับนามสกุลอีกครึ่งละกัน แต่ถ้าในส่วนผู้บริหารก็คิดว่าคงเอาคนมีความสามารถ มีประสบการณ์มาทำงานอยู่นะ ในช่วงที่คุณประชัยดูแลอยู่น่าจะพอได้ แต่หลังวางมือก็คงจะต้องมาดูอีกที ตอนนี้ก็อายุ 78 แล้วด้วย


💰 Financial  : ฐานะการเงิน
รอบ Q1-2023
1. ผู้ตรวจสอบรับรองงบ - [ไม่มีเงื่อนไข]
2. งบล่าสุด กำไร 1,046 ลบ. แต่มีแนวโน้มจะลดลงจากหมด adder
3. มีกำไรสะสม  8,873 ลบ. โตขึ้น
4. หนี้สินรวม  24,424 ลบ. เพิ่มขึ้น น่าจะลงทุนเพิ่มขยายธุรกิจ งบกระแสเงินสดก็ตามกัน
    ต้นทุนทางการเงิน 25 ลบ. เงินกู้น่าจะไม่เยอะ
5. เงินสด 2,164 ลบ. ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง
6. Book value 3.79 บ. โตขึ้น
7. P/BV  0.88 เท่า น้อยกว่าปีเก่า คนน่าจะกังวลหมด adder
8. D/E  0.77 เท่า ก็ไม่เยอะ
9. กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -185 ลบ. ลบนิดหน่อย แต่ปีก่อนๆก็บวก

✍️ Information : การให้ข้อมูล
ชอบที่มี Oppday ก็เข้าร่วมเรื่อยๆ รายงานประจำปีก็ดี แต่เอกสารวิเคราะห์รายไตรมาสก็สั้นๆไปหน่อย เหมือนแค่ทำตาม template อ่านไม่ค่อยมันส์

✍️ Return : ผลตอบแทน
ปันผล 55-60 % ของกำไร ก็เหลือไปลงทุนขยายธุรกิจต่อ แต่ก็ยังเป็น yield ปันผลต่อให้ได้เรต 6-7 % น่าสนใจดีเลย capital gain ก็เติบโต แต่ราคาตกลง เพราะมีความกังวล adder หมดอายุ

✍️ Enjoy :ความชอบในตัวบริษัท
ชอบที่สุดก็ที่ตัวกิจการเขาคือการกำจัดขยะ ช่วยให้บ้านเมืองสะอาด ช่วยสังคม ซึ่งก็เหมือนทำ CSR ไปในตัว แต่บริษัทก็มีความสามารถทำให้ได้กำไร อยู่รอด ต่อยอดขยายกิจการได้ด้วย ปันผลก็เป็นเรตที่ใช้ได้ เพียงแต่ไม่ค่อยชอบใจกับการติดในกรอบเอาคนในครอบครัวมานั่งเป็นกรรมการซะเยอะ ถ้ามีความสามารถก็ดี แต่ถ้าไม่ก็อยากให้เอาแค่ถือหุ้นกินปันผลไป แล้วเอาคนนอกมีความสามารถมาดูน่าจะดีกว่าไหม
ก็น่าจะถือลงทุนได้ เท่าที่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน หัวเรือยังกุมทิศทางได้
#39
snapshot of factsheet
You cannot view this attachment.

---
You cannot view this attachment.
#40
AURA
บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน)

หุ้นร้านทอง ถ้าในยุคลุงใครบอกให้นึกถึงคนรวยๆ อันดับต้นๆที่จะขึ้นมาในหัวก็คือเสี่ยร้านทอง ส่วนใหญ่ทำร้านทองคือร่ำรวยทุกคน ก็ค่อนข้างแน่นอนว่าธุรกิจมันน่าจะทำกำไรได้ดีสินะ แล้วถ้าเราอยากเป็นเสี่ย ทำร้านทองบ้าง แต่เงินไม่มี ทำไงดีนะ ตอบตัวเองแบบง่ายๆ ก็เอาตังค์ไปร่วมลงทุนร้านทองกับเขาสิ

✍️ Good :  แนวโน้มธุรกิจดีไหม
ทองเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง พิสูจน์ตัวเองมาหลายพันปี และก็น่าจะยังเป็นเช่นนั้นต่อไปอีกพักใหญ่ ไม่ต้องสนทองคำดิจิตอลเพราะอันนั้นห้อยคอไม่ได้ ตัวบริษัทเองก็ทำธุรกิจนี้มาหลายสิบปี ขยับขยายสาขาเรื่อยๆ ถ้าการขยายนั้นนำมาซึ่งกำไรก็ยังมีพื้นที่ให้ขยายได้อีกเยอะ ตราบที่การขยายนั้นไม่เป็นการเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ มีหุ้นหลายตัวเลยที่เน้นสาขาเพิ่ม แต่ยอดไม่ได้เพิ่มตาม ดูส่วนของการเงินเพิ่มเติมช่วยตรงนี้ได้

✍️ Owner : เจ้าของ ผู้ถือหุ้นใหญ่
ในแง่ของผู้ถือหุ้นใหญ่มีกลุ่ม ศรีรุ่งธรรม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง เจ้าของเดิมเขาซึ่งก็ยังถืออยู่มากกว่า 60% ควบคุมเบ็ดเสร็จ เชื่อว่าเขาก็ยังคิดว่าร้านทองมันดีแหละ ก็เลยยังถือๆกันอยู่ เท่าที่ดู passion เจ้าของเขายังมีอยู่ อยากทำธุรกิจต่อไป ไม่ได้มาเอาเข้าตลาด แล้วก็ขายหุ้นตัวเองเพื่อ exit ไป

✍️ Professional : ความสามารถผู้บริหาร บอร์ด
บอร์ดเป็นส่วนผสมของกลุ่ม ศรีรุ่งธรรม กับคนภายนอก ซึ่งคิดว่าก็เป็นกลุ่มเขาน่ะแหละที่เลือกมา  ถ้ามองในแง่มืออาชีพ ใครจะทำร้านทองได้ดีไปกว่าเสี่ยร้านทองเอง มันก็แน่นอนละนะ ตอนนี้เข้าสู่ gen 2 รุ่นลูกบริหารแล้ว โดยมีรุ่นพ่อช่วยดูแลอยู่อีกที ก็คงประคองแนะนำกันไป

💰 Financial  : ฐานะการเงิน Q1-2023@8Jul
ตัวนี้เพิ่งเข้าตลาด ไม่มีข้อมูลปีเก่าเลยไม่รู้ว่าโตเท่าไร
1. ผู้ตรวจสอบรับรองงบ - ไม่มีเงื่อนไข
2. งบล่าสุด กำไร  267 ลบ.
3. มีกำไรสะสม  635 เพิ่ม ยังไม่เยอะเพราะเพิ่งเข้า
4. หนี้สินรวม  4073 ลดลง
    ต้นทุนทางการเงิน  53.2 ลบ.
5. เงินสด 556 ลบ.
6. Book value 3.90
7. P/BV  4.23 เท่า
8. D/E  1.22 เท่า
9. กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -594 ลบ.
อันนี้น่าสนใจ จากกรณีศึกษาของ STARK ที่ดูงบดีมีกำไร แต่กระแสงบสดลบ ของ AURA ก็เป็นลบเช่นกัน แถมลบเยอะด้วย ที่ต้องดูต่อก็สินค้าคงเหลือว่าล้นไหม แล้วก็เวลาเก็บหนี้ยืดไปเยอะไหม ที่ดูสินค้าคงเหลือก็ไม่ได้โตมาก น่าจะเป็นไปตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นซึ่งต้อง Stock ทองเยอะขึ้นด้วย เวลาเก็บหนี้ก็ 25 วันอยู่ในช่วงปกติ คาดว่าที่ติดลบนี่น่าจะมาจากกรใช้เงินทุนขยายสาขา เป็นการทำธุรกิจปกติ

✍️ Information : การให้ข้อมูล
บ. เข้าร่วม Oppday ดีนะ น่าจะทุกครั้งเลย  อาจจะยังใหม่อยู่แหละ ช่วงแรกไฟแรงร่วมบ่อย แต่ก็เป็นเรื่องดีครับ มีข้อมูลให้ตามดี

✍️ Return : ผลตอบแทน
นโยบายปันผลที่มากกว่า 50%  แต่จากประวัติเทียบราคาต้องบอกว่าก็น้อยอยู่ เพิ่งเข้าตลาดด้วยข้อมูลปีเก่าๆก็ไม่มีให้เทียบ  PE เกือบ 30 เท่าก็ไม่ถือว่าถูกสำหรับลุง
  ถ้าดูจาก Q1 กำไร EPS 0.2 บาท ให้ได้แบบนี้ทั้งปีจะได้ 0.8 บาท ให้ปันผลสัก 50% = 0.4 จากราคาปัจจุบัน 15 บาท ก็ตีว่า yield 0.4/15 = 2.6 % ไม่ได้แย่แต่อาจจะเสี่ยงเยอะหน่อยว่าจะได้ตามนั้นไหม แถมมีโอกาสที่ราคาจะลงไปกว่าปันผลที่ได้

✍️ Enjoy :ความชอบในตัวบริษัท
ชอบหลายๆอย่าง ลุงอยากทำร้านทองอยู่แล้วด้วย มีมืออาชีพดูแลให้ ฐานะการเงินก็แข็งแกร่ง
ติดอย่างเดียว ตอนนี้ราคาแพงไปหน่อย ถ้าลงมา PE 20 นี่จะน่าสนใจมาก  และต้องตามดูผลงานอีกสัก 2 ปี - 8 Q จะเห็นแนวโน้มการเติบโตชัดเจนหน่อย